SCG

บริษัทได้กำหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งมั่นรักษาและพัฒนาระบบการจัดการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และมุ่งมั่นในการดำเนินการธุรกิจที่ควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการบริหารจัดการลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก

ปริมาณน้ำ
ปริมาณน้ำที่ลดได้ในกระบวนการผลิต ปี 2567
ลบ.ม.ต่อปี
IREC ปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก
tonCO2eq
โครงการทิ้งทูแทรซ
ผลการดําเนินงานการคัดแยกขยะจากโครงการ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้รวม
22.43
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี tonCO2eq

การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

กลุ่มราชพัฒนา ได้กําหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งมั่นรักษาและพัฒนาระบบการจัดการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานและมุ่งมั่นในการดําเนินธุรกิจที่ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคมไปพร้อมกัน โดยกําหนดนโยบายคุณภาพ สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และอนุรักษ์พลังงาน เพื่อมุ่งมั่นในการจัดหาพลังงานที่มีคุณภาพสูงและมั่นคง รวมทั้งรับผิดชอบในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ป้องกันมลพิษ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย การอนุรักษ์และการจัดการพลังงาน รวมถึงการบริหารจัดการลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก

การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม

การบริหารจัดการน้ำ

กลุ่มราชพัฒนา ให้ความสําคัญกับการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมในทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่การนําน้ำมาใช้ในกระบวนการผลิต การรักษาสภาพแวดล้อมภายหลังจากกระบวนการผลิต จึงกําหนดมาตรการในการจัดการน้ำโดยอยู่ภายใต้ ข้อกําหนดทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด และคํานึงถึงผลกระทบต่อปริมาณการใช้น้ำของชุมชนในพื้นที่ ควบคู่ไปกับการตระหนักถึงหน้าที่ในการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับการดําเนินงานของโรงไฟฟ้า ในภาวะการขาดแคลนน้ำ

เป้าหมาย

ลดการใช้น้ำจากกระบวนการผลิต โดยการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ไม่น้อยกว่า 40,000 m3 โดยคิดเป็น 3% ของปริมาณน้ำใช้ทั้งหมด

ผลการดําเนินงาน 2567

ลดการใช้น้ำจากกระบวนการผลิต โดยการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ไม่น้อยกว่า 48,350.20 m3 โดยคิดเป็น 3% ของปริมาณน้ำใช้ทั้งหมด

เป้าหมายการลดใช้น้ำดิบในกระบวนการผลิตพลังงาน ประจำปี 2567

การจัดการมลภาวะทางอากาศ

ดําเนินการตามมาตรการจัดการด้านมลภาวะทางอากาศตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ดังนี้

  • ติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณปลายปล่องระบายอากาศ (Stack) เพื่อตรวจวัดปริมาณมลสารที่ระบายออกสู่อากาศ ได้แก่ ฝุ่นละอองรวม (TSP) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO) ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO) โดยผลการตรวจวัดปริมาณมลสาร ทั้ง 3 ชนิด มีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกําหนด
  • ได้ติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดคุณภาพอากาศภายในพื้นที่ชุมชนรอบโรงงาน โดยติดตามผลและจัดทํารายงานการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงต่อชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุก 6 เดือน เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและควบคุมผลกระทบด้านคุณภาพอากาศให้อยู่ในเกณฑ์ มาตรฐานที่กฏหมายกําาหนดอย่างเข้มงวด
  • การติดตั้งอุปกรณ์ดักจับฝุ่นละอองแบบไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Precipitator : ESP) ที่มีประสิทธิภาพในการแยกฝุ่นละออง จากไอเสียมากกว่าร้อยละ 99.5 ที่โรงไฟฟ้าชีวมวลสหโคเจน กรีน และโรงไฟฟ้าชีวมวลสหกรีน ฟอเรสท์ เพื่อป้องกันผลกระทบ ด้านฝุ่นละอองในอากาศที่ระบายออกจากโรงไฟฟ้า ทําให้อากาศที่ปล่อยออกจากปล่องมีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมาย กําหนด ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เป้าหมาย

ลดปริมาณการปล่อยก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจนมากกว่า 280 เมตริกตัน จากมาตรฐาน คิดเป็น 10%

ผลการดําเนินงาน 2567

ลดลง 419.38 เมตริกตัน คิดเป็น 65.79% จากข้อกำหนดตามมาตรฐาน

การจัดการคุณภาพอากาศ

การจัดการมลภาวะทางเสียง

  • ออกแบบและติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ และวางแผนการตรวจสอบบํารุงรักษาอุปกรณ์ที่อาจก่อให้เกิดเสียงดังอย่างเหมาะสม รวมถึง มีการปลูกต้นไม้ทรงสูง พุ่มหนา เพื่อกรองเสียงและเป็นแนวกันลม ทําให้สามารถควบคุมระดับเสียงได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกําหนด
  • กําหนดจุดตรวจวัดระดับเสียงจํานวน 3 จุด ได้แก่ ณ จุดกําเนิดเสียงภายในโรงไฟฟ้า ห้องควบคุมการผลิตในโรงไฟฟ้า และบริเวณแนวรั้ว โรงไฟฟ้า โดยควบคุมระดับเสียง ให้มีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกําหนด รวมถึงดําเนินการตรวจวัดความดังของเสียงในพื้นที่ ปฏิบัติงาน เป็นประจําทุก 3 เดือน
  • จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันผลกระทบด้านเสียง หรือ Ear muffs ให้พนักงานสวมใส่เมื่อจําเป็นต้องปฏิบัติงานในบริเวณที่มีเสียงดัง เกิน 80 เดซิเบลเอ หากผู้ปฏิบัติงานจะต้องปฏิบัติงานในจุดดังกล่าว จะต้องสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล เพื่อลด ความดังของเสียงที่ผู้ปฏิบัติงานจะได้รับ โดยได้มีการติดตั้งป้ายเตือนและกําหนดเป็นข้อบังคับให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
การจัดการมลภาวะทางเสียง
ผลการตรวจวัดระดับเสียงโดยทั่วไป (Leq 24 hr)

เป้าหมาย

ควบคุมระดับเสียงที่เกิดจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าให้ดีกว่าค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด

บริเวณริมรั้วโครงการ
64.4-67.5
เกณฑ์ตามกฏหมาย 70 dBA

การจัดการกากของเสีย

กลุ่มราชพัฒนา ดําเนินการจัดการกากของเสียตามมาตรฐานที่กฎหมายกําหนด และมาตรการของแต่ละโรงไฟฟ้า โดยแยกกําจัดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ของเสียอันตราย และของเสียไม่อันตราย ดําเนินการจัดการ ดังต่อไปนี้

  1. ของเสียอันตราย คือ ขยะที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น น้ํามันหม้อแปลง น้ํามันเครื่อง ถังสารเคมี ฯลฯ ดําเนินการโดย ควบคุมปริมาณการใช้น้ํามันหม้อแปลงที่ไม่มีสารอันตราย และควบคุมการกําจัดของเสียเหล่านี้ตามที่กฎหมายกําหนดอย่างเคร่งครัด ได้ดําเนินการส่งกําจัดอย่างถูกวิธีโดยหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
  2. ของเสียที่ไม่อันตราย คือ ขยะเหมือนกับขยะจากบ้านเรือนทั่วไป เช่น เศษอาหาร ไม้ กระดาษ สายไฟ ถุงพลาสติก วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ กําหนดมาตรการในการคัดแยก ก่อนส่งไปฝังกลบตามหลักสุขาภิบาล หรือนํากลับมาใช้ใหม่อย่างเหมาะสม โดยจัดตั้งโครงการธนาคารขยะ เพื่อปลูกจิตสํานึกพร้อมทั้งกระตุ้นให้พนักงานทุกคนคํานึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
การจัดการขยะและของเสีย
รณรงค์ให้พนักงานคัดแยกขยะทั้งในสํานักงานและโรงงาน รวมถึงเชิญชวนให้พนักงานนําขยะคัดแยกจากครัวเรือนมาร่วมบริจาคหรือแลกเป็นสิ่งของ
จําหน่ายให้กับผู้รับซื้อเพื่อเป็นขยะนํากลับมาใช้ใหม่ (Recycle)
เชิญชวนให้พนักงานเข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยลดปริมาณขยะในสํานักงาน
ใช้หลักการส่งเสริม 5 R
  1. Reduce
  2. Reuse
  3. Recycle
  4. Repair
  5. Reject

ผลการดําเนินงานโครงการธนาคารขยะเพื่อสิ่งแวดล้อม ประจําปี 2567 สรุปปริมาณขยะและปริมาณก๊าซเรือนกระจก ที่ลดได้จากการคัดแยกขยะเพื่อรีไซเคิล

ประเภทขยะ ปริมาณขยะ (Kg) ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้** (kgCO2e)
กระดาษ 412 203.53
พลาสติก 90 78.21
โลหะ 61 69.95
แก้ว 619 460.54
อลูมิเนียม 13.5 45.58
รวม 764 549.92

**โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (http://ghgreduction.tgo.or.th/)

Performance Summary

Environment Performance Summary
Occupational health and safety Performance Summary

รายงานการะเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

รายงานการะเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2564 ฉบับสมบูรณ์ 1/2
รายงานการะเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2564 ฉบับสมบูรณ์ 2/2
รายงานการะเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2566 ฉบับสมบูรณ์ 1/3
รายงานการะเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2566 ฉบับสมบูรณ์ 2/3
รายงานการะเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2566 ฉบับสมบูรณ์ 3/3

การดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การบริหารความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริษัทตระหนักและให้ความสําคัญกับการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสนับสนุนการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ จึงได้แต่งตั้งคณะทํางานด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกขึ้นเพื่อกํากับดูแลการดําเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายและเจตนารมย์ของบริษัทในการดําเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวด้อมที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ตามแนวคิด “สิ่งแวดล้อมดี สังคมได้รับประโยชน์”

เป้าหมาย :

  • ราชพัฒนา ประกาศเจตนารมณ์ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2050
  • เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น ร้อยละ 15 ของกำลังการผลิตรวมตามสัดส่วนการถือหุ้น ภายในปี 2573

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ บมจ.ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี และบริษัทย่อย ปี 2567 (แยกตามบริษัท)

ขอบเขตดำเนินงาน หน่วย SCG SGN SGF Total
Scope 1 tCO2eq 347,441.48 4,185.78 2,323.76 353,952.00
Scope 2 tCO2eq 144.13 413.34 58.40 616.00
Scope 3 tCO2eq 99,318.36 170.23 65.37 99,554.00
Scope 1 + 2 tCO2eq 347,585.60 4,599.12 2,382.15 354,568.00
Scope 1 + 2 + 3 tCO2eq 446,903.96 4,769.35 2,447.53 454,122.00
Carbon intensity (Scope 1 + 2) kgCO2/kWh 0.3415 0.0304 0.0380
Carbon intensity (Scope 1 + 2 + 3) kgCO2/kWh 0.4391 0.0315 0.0390

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ บมจ.ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี และบริษัทย่อย ปี 2567 เทียบกับปีฐาน (ปี 2565)

ขอบเขต การปล่อยก๊าซเรือนกระจก หน่วย
ปีฐาน (2565) ปีฐาน (2566) ปีปัจจุบัน (2567)
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) 533,254.00 474,332.00 353,952.00 TonCo2e
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Scope 2) 463.00 512.00 616.00 TonCo2e
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Scope 3) 140,022.00 134,057.00 99,554.00 TonCo2e
รวม Scope 1 & 2 533,717.00 474,844.00 354,568.00 TonCo2e
รวม Scope 1 & 2 & 3 608,901.00 673,739.00 454,122.00 TonCo2e
ปริมาณการผลิต ไฟฟ้า+ไอน้ำ 1,587,352,114 1,639,337,236 1,232,096.19 kWh
Carbon intensity (Scope 1+2+3) 0.4450 0.3714 0.3686 kgCO2/ kWh
การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน
โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการจัดการพลังงานอย่างเหมาะสม
การใช้พลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานสะอาด โดยเพิ่มสัดส่วนการใช้ พลังงานหมุนเวียน
กิจกรรมชดเชยคาร์บอน
  • นวัตกรรมด้านพลังงาน จากการเข้าร่วมและดําเนินโครงการด้านพลังงานหมุนเวียนและการลด ก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ I-REC (International Renewable Energy Certificate) กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism) กลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism: CDM)
  • จัดกิจกรรมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน องค์กรให้ความร่วมมือกับชุมชน ภาครัฐ และพันธมิตร ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟู และรักษาป่า เพื่อเป็นแหล่งดูดซับคาร์บอน

International Renewable Energy Certificate (I-REC)

  • บริษัทได้ขึ้นทะเบียน ใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน เพื่อส่งมอบสิทธิ I-REC ให้กับองค์กรที่ต้องการแสดงเจตจํานงในการใช้ไฟฟ้า ที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนในกิจกรรมขององค์กร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ในปี 2567 กลุ่มราชพัฒนา ได้ส่งมอบใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นพันธกิจหนึ่งในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านการดําเนินการโครงการดังกล่าวรวม 62,853 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq)

ผลการดำเนินงาน

ปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก (tonCO2 eq)
tCO2eq

โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop)

ในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) ให้กับโรงงานในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ ขนาดกำลังการผลิตรวม 5.15 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 5,337 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

ธนาคารขยะเพื่อสิ่งแวดล้อมประจําปี 2567

ผลการดำเนินงาน

การคัดแยกขยะจากโครงการ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

การจัดการพลังงาน

บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดแนวทางการบริหารจัดการพลังงานโดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร โดยบริษัทได้จัดตั้งคณะทำงานด้านพลังงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลและติดตามผลการดำเนินงานด้านพลังงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้พลังงานเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

บริษัทมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงาน โดยการส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการลดการใช้พลังงาน และให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและมาตรการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน ผ่านการจัดฝึกอบรมและโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพลังงาน บริษัทได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการวิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลด้านพลังงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์แนวโน้มการใช้พลังงาน และคาดการณ์ปริมาณพลังงานที่ต้องการใช้ได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้สามารถปรับกลยุทธ์การจัดการพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

การจัดการพลังงาน

การอนุรักษ์พลังงาน

กลุ่มราชพัฒนา ให้ความสําคัญในความรับผิดชอบต่อสังคม ด้านการอนุรักษ์พลังงาน โดยกําหนดนโยบายอนุรักษ์พลังงานขึ้นเพื่อสร้างความ ตระหนักให้กับผู้บริหารและพนักงานประกอบด้วย การจัดตั้งคณะกรรมการการจัดการด้านพลังงาน การจัดทํารายงานการอนุรักษ์พลังงาน การศึกษา ดูงาน กิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลด้านการอนุรักษ์พลังงาน เช่น โครงการอนุรักษ์พลังงาน Energy Day กิจกรรมรณรงค์ลดใช้พลังงานใน สํานักงาน เป็นต้น

การอนุรักษ์พลังงาน

ความหลากหลายทางชีวภาพ

ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กรในระยะยาว ความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศช่วยสนับสนุนทรัพยากรธรรมชาติที่ธุรกิจพึ่งพา และมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงจากผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการขาดแคลนวัตถุดิบ

บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย รวมถึงที่ตั้งของสถานประกอบการอื่นๆ ของบริษัท เช่น ศูนย์รับซื้อและแปรรูปชีวมวล แปลงปลูกไม้โตเร็วเพื่อพลังงาน เป็นต้น ตั้งอยู่ในเขตสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์และพื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรไว้สำหรับประกอบกิจการโรงงานและพื้นที่สำหรับการทำเกษตรกรรมตามกฎกระทรวงผังเมืองรวมจังหวัดทุกแห่ง โดยพื้นที่ตั้งโรงงานเป็นพื้นที่ที่มีการปรับปรุงไว้เพื่อการตั้งโรงงานโดยเฉพาะ จากการศึกษาและสำรวจพื้นที่ศึกษาตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ปรากฏแหล่งทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า สัตว์บกและสัตว์น้ำแต่อย่างใด ดังนั้น การก่อสร้างและการดำเนินงานของโครงการของบริษัทจึงมีผลกระทบต่อทรัพยากรชีวภาพทั้งบนบกและในน้ำบริเวณในระดับต่ำ

ความหลากหลายทางชีวภาพ